วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

การทำงานด้วยหัวใจ

การทำงานด้วยหัวใจ

โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com

                                คน ที่ทำงานโดยเฉพาะคนที่ทำงานกินเดือน เมื่อทำงานไปนานๆ มักเกิดอาการเบื่อหน่าย ท้อแท้ ท้อถอย ไม่อยากทำงาน บางคนถึงขนาดอยากออกไปประกอบกิจการส่วนตัว แต่ความจริงแล้ว หากมองในแง่ดี คนที่ทำงานกินเดือนมีแง่มุมที่ได้เปรียบกว่าผู้ประกอบกิจการหลายอย่างเช่น ได้รับเงินเดือนหรือมีรายได้แน่นอน , ไม่มีการลงทุนเมื่อไม่มีการลงทุนก็ไม่มีการล้มละลาย , ไม่อยากทำงานเบื่องานสามารถเปลี่ยน ย้าย งานได้ แตกต่างจาก เจ้าของกิจการเมื่อลงทุนไปแล้วก็เป็นเรื่องยากที่จะเลิกกิจการแล้วไปลงทุน กิจการใหม่ๆ เนื่องจากได้ลงทุนไปเป็นเงินจำนวนมากจึงยากที่จะเลิกกิจการ เบื่ออย่างไร มีปัญหาอย่างไร ก็ต้องทำ , การทำงานกินเงินเดือนมักมีวันหยุดชัดเจน เนื่องจากมีกฎหมายแรงงานรองรับให้มีวันหยุดที่ชัดเจน ฯลฯ

                                สำหรับคนที่จะทำงานด้วยหัวใจได้นั้น บุคคลผู้นั้นจะต้องลักษณะดังนี้

                1.ต้องรักงานที่ทำ หรือ มีความคิดว่าการทำงานคือชีวิต ชีวิตคืองานบันดาลสุข ถึงกับมีคนเคยกล่าวว่า “ ถ้าอยากมีความสุข 1 ชั่วโมง ให้งีบ ถ้าอยากมีความสุข 1 วัน ให้ไปพักผ่อน ถ้าอยากมีความสุข 1 อาทิตย์ ให้ไปปิกนิก แต่ถ้าอยากมีความสุขตลอดไปให้ทำงานที่ตนเองรัก ”            ใน การบรรยายหัวข้อการทำงานด้วยหัวใจของกระผม เคยมีผู้เข้ารับการอบรมเคยถามกระผมว่า ถ้าในปัจจุบันเราทำงาน แต่ไม่ได้รักงานที่ตนเองทำจะทำอย่างไร กระผมขอบอกว่า จงหางานที่ตนเองรักและจงสนุกกับมัน ถ้าท่านได้ทำงานที่ตนรัก ท่านมักจะสนุกสนานกับมัน จนลืมไปได้ว่า สิ่งนี้คืองาน แต่ถ้ามีความจำเป็นจริงๆ กล่าวคือไม่สามารถเปลี่ยนงานหรือย้ายงานได้ เนื่องจากเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง ก็จงทำงานนั้นต่อไป แต่  “ จงภูมิใจกับงานในปัจจุบัน และต้องทำใจให้รักในงานปัจจุบัน มากกว่าจะถามถึงสิ่งที่ไม่ได้เป็นหรือยังไม่ได้เป็น ” แต่ถึงที่สุดแล้ว หากต้องการความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิตจริงๆ บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักจะต้องเลือกทำงานในสิ่งที่ตนเองรักเสมอ

                สำหรับการสร้างความสุขในการทำงาน ทางพุทธศาสนาสอนได้ดีมากครับ ว่าคนที่ต้องการประสบความสำเร็จในการทำงานจะต้องมีหลัก อิทธิบาท 4 คือ

ฉันทะ หมายถึง ความพอใจในงานเห็นคุณค่าของงาน รักงานที่ทำ

วิริยะ หมายถึง ความเพียรพยายาม บากบั่น อดทน กับงานที่ตนเองทำ

 จิตตะ หมายถึง มีความคิดจดจ่อ  เอาใจใส่ในงานที่ทำ

 และ วิมังสา หมายถึง การตรวจสอบ หมั่นพิจารณา ใคร่ครวญ เมื่อมีปัญหาในงานที่ทำก็ต้องคอยแก้ไข ปรับปรุง ตรวจสอบ ข้อบกพร่องของงานที่ทำ

2.ต้อง มีทัศนคติที่ดีในการทำงาน ทัศนคติมีความสำคัญมากในการทำงาน เพราะบุคคลที่ประสบความสำเร็จมักมีทัศนคติที่ดี มีทัศนคติในด้านบวก (คนคิดลบเปรียบเสมือนถังขยะที่คอยเก็บของที่ไม่มีค่า แต่คนที่ทัศนคติที่ดี ทัศนคติในทางบวก เปรียบแล้วก็เหมือนดังคลังสมบัติที่มักจะเก็บแต่สิ่งที่ล้ำค่าเสมอ) คนที่จะทำงานด้วยหัวใจจะต้องมีทัศนคติที่ดีต่อตนเอง ต่อบริษัทหรือต่อหน่วยงาน และจะต้องมีทัศนคติที่ดีต่อหัวหน้างานด้วย

3.ต้อง มีมนุษย์สัมพันธ์ในที่ทำงาน สำหรับคำว่า มนุษย์สัมพันธ์ในที่ทำงาน คือ ต้องมีศิลปะในการชักจูงใจให้คนที่ทำงานด้วยเกิดการประสานงานหรือเกิดความ ร่วมมือกัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการทำงานร่วมกัน

ทั้ง นี้บุคคลที่มีมนุษย์สัมพันธ์จะต้องมีลักษณะดังนี้ ต้องเป็นคนที่ยอมรับในเรื่องข้อแตกต่างของบุคคลได้ เช่นความแตกต่างในเรื่อง เพศ วัย อายุ ประสบการณ์ ฯลฯ

4.ต้อง มีการพัฒนาตนเองให้เหมาะสมกับงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง บุคลิกภาพ การพูดจา การแต่งกาย บุคคลที่ประสบความสำเร็จในการทำงานทุกคน มักเป็นนักพัฒนาตนเองเสมอ อีกทั้งต้องเป็นนักเรียนรู้งาน เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนำมาใช้กับการทำงานให้เหมาะสมและรวดเร็วขึ้น

                ดัง นั้น คนที่ประสบความสำเร็จในการทำงานจะต้องเป็นคนที่ทำงานด้วยหัวใจจะต้องมีความ รักในงานที่ตนเองทำ ต้องมีทัศนคติที่ดีต่อตนเอง ต่อหน่วยงาน และต่อหัวหน้างาน ต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ในที่ทำงาน และต้องมีการพัฒนาตนเองให้เหมาะสมกับงานนั้นๆ เสมอ



                               

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น